Seagate Pulsar
หลังจากปล่อยให้ผู้ผลิตหน่วยความจำ SSD ลุยเปิดตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กรกันไปก่อน วันนี้ซีเกตเปิดตัว "Pulsars" หน่วยความจำแฟลช SSD ชนิด single-level cell (SLC) สำหรับองค์กรซึ่งมาพร้อมอินเทอร์เฟส SATA (serial ATA) รุ่นแรกของซีเกต ความจุตั้งแต่ 50GB, 100GB, และ 200GB บนการ์ดหน่วยความจำขนาด 2.5 นิ้ว เร็วและแรงกว่าหน่วยความจำแบบดิสก์ที่ซีเกตเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลกแบบไม่ต้องสงสัย
ชาวไอทีจำนวนมากไม่เชื่อว่าเจ้าตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟอย่างซีเกตจะยอมหันมาผลิตหน่วยความจำชนิดโซลิดสเตทไดร์ฟ (solid-state drive) หรือ SSD จนกระทั่งขณะนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่หน่วยความจำ SSD เริ่มทำตลาดในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปมานานกว่า 2 ปี และกำลังมีทิศทางเข้าสู่อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์หรือศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างชัดเจน
หนึ่งในผู้ที่ชิงตัดหน้าซีเกตไปก่อนคืออีเอ็มซี (EMC) ซึ่งเริ่มผลิตระบบดาต้าเซ็นเตอร์จากหน่วยความจำ SSD ของบริษัท STEC Inc. ก่อนจะติดตั้งลงบนระบบ Symmetrix ของอีเอ็มซี เพื่อทำตลาดในเดือนมกราคม 2008 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ซีเกตเปิดตัวหน่วยความจำ SSD ของตัวเองในชื่อ Pulsar เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ในฐานะชื่อผลิตภัณฑ์ไดร์ฟเก็บข้อมูล NAND flash เพื่อองค์กรของซีเกต โดยซีเกตจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ในรูปแบบโออีเอ็ม (OEM) หรือการรับจ้างผลิต
ซีเกตการันตีว่า Pulsars มีความเร็วในการอ่านสูงสุด 30,000 IOPS (Input/Output Operations Per Second) และความเร็วในการเขียน 25,000 IOPS อ่านต่อเนื่อง 240MB/s และเขียนต่อเนื่อง 200 MB/s
เช่นเดียวกับผู้ผลิตฮาร์ดอวร์คอมพิวเตอร์รายอื่น ซีเกตนั้นยอมรับว่าหน่วยความจำ SSD จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลในยุคหน้า โดยยืนยันว่า Pulsar เป็นหนึ่งในหลายผลิตภัณฑ์ SSD ที่ซีเกตเตรียมส่งออกสู่ตลาด
เดฟ มอสเลย์ ประธานฝ่ายปฏิบัติการของซีเกตระบุว่า วิสัยทัศน์ของซีเกตคือการขยายตลาดหน่วยความจำทั้ง SSD และ HDD หรือฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ บนกลยุทธ์หลักคือการให้บริการหน่วยความจำที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ให่มากที่สุด
งานนี้นักวิเคราะห์ของไอดีซี (IDC) เชื่อว่าซีเกตจะสามารถตั้งลำในตลาด SSD ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสายสัมพันธ์และชื่อเสียงยาวนานในธุรกิจโออีเอ็มของซีเกต
ด้านบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ (Gartner) เชื่อว่าตลาด SSD สำหรับองค์กรนั้นมีแนวโน้มเติบโตทั้งในแง่กำไรและยอดขาย โดยประเมินว่ายอดจำหน่ายจะสามารถทะลุ 1,000 ล้านเหรียญได้ในปี 2010
SSD นั้นเป็นเทคโนโลยีหน่วยเก็บข้อมูลชนิดใหม่ที่จะมาแทนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เป็นการใช้ชิปหน่วยความจำเก็บข้อมูลแทนจานแม่เหล็กลักษณะเดียวกับ FlashDrive ที่แพร่หลายมากในทุกวันนี้ โดย NAND Flash เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการผลิต SSD ที่หน่วยความจำจะถูกเชื่อมต่อเป็นกลุ่มเพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปแบบทีละส่วน ทำให้มีความจุสูงและราคาถูกกว่าแบบ NOR Flash ที่หน่วยความจำถูกเชื่อมต่อ
กันแบบขนาน ทำให้การเข้าถึงข้อมูลเกิดขึ้นอย่างอิสระ ส่งให้อ่านข้อมูลเร็วมากแต่มีความจุต่ำและราคาแพง
สำหรับ Single-Level Cell (SLC) นั้นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการผลิต SSD แบบ NAND Flash โดยเน้นหลักการทำงานเร็ว กินพลังน้อย และมีอายุการใช้งานนาน
สิ่งที่ทำให้ SSD มีอนาคตไกลกว่า HDD คือการใช้เวลาเข้าถึงข้อมูลน้อยกว่า เนื่องจากไม่ต้องใช้หัวอ่าน ไม่มีจานแม่เหล็กและไม่ต้องหมุน ทำให้ไม่มีเสียงรบกวน ทนทานต่อแรงกระแทก และน้ำหนักเบา แม้จะมีข้อเสียคือราคาแพงมากเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ และยังมีปัญหาเรื่องความคงทนในการใช้งานในบางรุ่น
ข่าว : CyberBiz